องค์ประกอบของน้ำในสระว่ายน้ำ
น้ำมีองค์ประกอบใหญ่ ๆ ดังนี้ คือ
- ความเป็นกรด หรือด่างของน้ำ คือ แอลคาลินิตี้ หรือแอซิดดิตี้ กำหนดโดย
ค่า PH ของน้ำ ซึ่งมีจุดกลางเท่ากับ 7.0 PH ต่ำสุด 1 สูงสุด 14
- ความกระด้าง ได้แก่ แร่ธาตุที่มีประจุบวก CAT ION ในน้ำ ซึ่งมีทั้งโลหะ
และอโลหะต่าง ๆ เช่น เคลเซียม โซเดียม แมกนีเซียม เหล็ก แมงกานีส ตลอดจน ทองแดง ฯลฯ
- สารละลายที่มีประจุ ลบ AN ION เช่น คลอไรด์ ซัลเฟต คาร์บอเนต
ไฮดรอกซี่ ฯลฯ
สารประกอบเหล่านี้มีมากบ้าง น้อยบ้าง ให้ค่า PH สูงบ้าง ต่ำบ้าง นอกจากนี้ยังมี
ส่วนประกอบของทั้ง อินทรีย์สาร และอนินทรีย์สาร อีกด้วย ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับแหล่งที่มาของน้ำ
น้ำที่เหมาะสมกับการใช้ในสระว่ายน้ำมากที่สุด คือ น้ำประปา ที่ได้ทำการ
ปรับสภาพจากน้ำในแม่น้ำลำคลอง โดยวิธีการตกตะกอนฆ่าเชื้อ และผ่านขบวนการกรองน้ำให้สะอาดจะมีคุณภาพใกล้จุดสมดุลย์ของน้ำในสระว่ายน้ำมากที่สุด
เคมีที่ต้องใช้ในสระว่ายน้ำ
เคมีที่มีความจำเป็นต่อการปรับสภาพเข้าสู่สมดุลย์ของน้ำในสระว่ายน้ำ มีดังนี้ คือ
- คลอรีน (CL+) มีหน้าที่ในการฆ่าเชื้อ และทำการสันดาปสารละลายโลหะหนัก
ต่าง ๆ ตลอดจนอินทรีย์สาร และอนินทรีย์สารต่าง ๆ ให้มีค่าเป็นออกไซด์ของโลหะ และมีอนุภาคที่โตขึ้น เพื่อการขจัดโดยการกรองต่อไป
คลอรีน มีทั้งหมด 5 ชนิด
- คลอรีนน้ำ Na O CL เป็นคลอรีนที่ใช้ดั้งเดิม มีความเข้มข้น 10%
- คลอรีนน้ำ Ca O CL เป็นคลอรีนที่ผลิตขึ้นมีขายในตลาด
มีความเข้มข้น 6%
- คลอรีนปูน Ca O CL เป็นผงสีขาว มีความเข้มข้น 60%
และแบบเป็นเม็ดเกล็ด มีความเข้มข้น 70%
คลอรีนทั้ง 3 ชนิด ที่กล่าวมานี้มีค่าด่างสูง ทำให้ PH ของน้ำเพิ่มขึ้น จึงต้องปรับสภาพน้ำให้เข้าจุดสมดุลย์ด้วยกรด อันเป็นข้อเสียต่อความสึกกร่อนของเส้นยาแนวกระเบื้อง และส่วนประกอบอุปกรณ์สระว่ายน้ำที่ทำด้วยโลหะ อันเป็นสาเหตุให้ต้องคิดหาวิธีในการผลิตคลอรีนใหม่ขึ้น เพื่อใช้ทดแทนเลี่ยงการใช้กรด จึงได้เกิดการผลิตคลอรีนชนิดให้ค่ากรดแทน เพราะโดยทั่วไปเมื่อเหงื่อคนเราละลายสู่น้ำในสระว่ายน้ำแล้วมักมีค่าเป็นด่าง เมื่อทำการสันดาปแล้ว และโดยเฉพาะเมื่อมีเด็ก ๆ ซึ่งอาจปัสสาวะลงในน้ำก็จะเพิ่มค่าด่างให้กับน้ำอีกด้วย สิ่งเหล่านี้มักประกอบด้วยโปรตีน และแอมโมเนีย การใช้คลอรีนที่ให้ค่ากรดจึงเท่ากับเป็นการป้องกัน และลดการสึกกร่อนไปด้วย แต่เนื่องจากคลอรีนนั้นให้ค่ากรด จึงควรจะต้องคอยปรับค่า PH ด้วยด่าง คือ โซดาแอช ซึ่งมีอันตราย และอำนาจในการทำลายน้อยแทน มิฉะนั้น นานเข้า PH จะต่ำลงซึ่งทำให้เดือดร้อนได้เช่นกัน คลอรีนนั้น คือ คลอรีน 90% TRICHLOROISOCYANURIC ACID และคลอรีน 60% SODIUM DICHLOROISOCYANURATE
- คลอรีน 90% TRICHLOROISOCYANURIC ACID คือ คลอรีนที่มีค่า
เป็นกรด และสามารถสลายตัวช้ากว่าคลอรีนชนิดอื่นๆ เพราะมีสารควบคุมการละลาย และการสลายตัวอย่างช้า ๆ มีอำนาจเป็นกรด และให้ค่าคลอรีนสูงถึง 90% ของน้ำหนักนิยมใช้มากในปัจจุบัน ใช้ง่ายเก็บรักษาได้นานกว่า สิ้นเปลืองเนื้อที่ในการเก็บรักษาน้อย ละลายน้ำเพียง 1 – 2 %
- คลอรีน 60% SODIUM DICHLOROISOCYANURATE คือ คลอรีน
ที่คล้ายกับชนิด 90% แต่สามารถละลายน้ำได้สูงถึง 25% และมีอำนาจในการทำปฏิกิริยาในการสันดาป และฆ่าเชื้อได้สูง และรวดเร็วมาก ในขณะเดียวกันก็มีค่า PH ค่อนข้างเป็นกลาง มีค่าค่อนไปทางกรดเล็กน้อย ซึ่งเป็นประโยชน์มากที่สุด
- โซดาแอช (Na CO3) เป็นสารละลายที่ให้ค่า PH สูง หรือเป็นด่าง ใช้ในการเพิ่ม
ค่า PH ในน้ำให้สูงขึ้น
- กรดเกลือ (HCL) เป็นสารละลายที่ใช้เพื่อลดค่า PH ของน้ำ จะใช้เมื่อน้ำในสระ
มีค่า PH สูงเกินไป
- โซเดียมไบคาร์บอเนต เป็นสารปรับค่า แอลคาลินิตี้ ในน้ำให้เพิ่มขึ้น
ข้อควรระวัง
การปรับสภาพของ PH ต้องค่อย ๆ ทำไม่ควรปรับปรุงโดยใช้สารเคมีครั้งละมาก ๆ เพราะจะเกิดอันตราย หรือความเสียหายต่ออุปกรณ์ในสระว่ายน้ำได้ และอาจเกิดการเติมมากจนเกินจุดสมดุลย์ได้ เท่ากับเป็นการสิ้นเปลืองโดยเกินกว่าเหตุ โดยเฉพาะไม่ควรเติมขณะมีผู้ใช้สระอีกด้วย
การปรับสภาพสมดุลย์ของน้ำในสระว่ายน้ำ
น้ำในสระว่ายน้ำ ที่ยังไม่ได้รับการปรับสภาพมักมีความกระด้าง หรือความเป็นกรดด่างสูงบ้าง ต่ำบ้าง แล้วแต่ที่มาของน้ำนั้น ๆ หากที่มานั้นมาจากน้ำบาดาลใต้ดินที่ลึกเกิน 50 เมตร มักมีความกระด้างสูงกว่า 200 PPM. และค่า PH มักมีเกินกว่า 7.6 ขึ้นไป หากที่มาของน้ำมันเป็นบาดาลผิวดิน คือ ตื้นกว่า 20 เมตร มักมีสภาพใกล้กับน้ำฝน มีความกระด้างน้อยกว่า 150 PPM. และมีค่า PH ต่ำกว่า 7.2 เป็นต้น ทั้งนี้ อาจมีบางแห่งมีค่ากลับกันก็อาจเป็นได้ ทั้งนี้แล้วแต่สภาพพื้นดินละแวกนั้น ๆ
น้ำในสระว่ายน้ำจะมีสภาพสมดุลย์ต่อเมื่อมีค่าต่าง ๆ ดังนี้
- ค่าคลอรีน ค่อนข้างคงที่ การลดระดับน้อย คือ ในระยะ 4 ชม. จำนวนค่า
- คลอรีนลดลงไม่เกิน 1.0 ช่วงเวลาที่ควรตรวจวัด จาก 06.00 ถึง 10.00 น.
ทั้งนี้ ต้องอยู่ในขณะเดินปั๊มเครื่องกรอง และไม่มีผู้เล่นน้ำในสระว่ายน้ำ
- ค่าความกระด้างของน้ำ ต้องอยู่ระหว่าง 125 – 150
- ค่า PH หรือความเป็นกรดด่าง อยู่ระหว่าง 7.4 –6 PH
- ค่าแอลคาลินิตี้ อยู่ระหว่าง 80 – 100 จึงจะเรียกว่าน้ำอยู่ในสภาพ
สมดุลย์
การปรับสภาพน้ำดิบในสระว่ายน้ำ
ขั้นตอนการปรับสภาพน้ำดิบในสระว่ายน้ำเข้าสู่สภาพสมดุลย์ทำได้ ดังนี้
- ทำการสันดาปโลหะหนัก และฆ่าเชื้อต่าง ๆ ด้วยคลอรีน การกระทำควรทำ
ดังนี้
- ตรวจสอบแหล่งที่มาของน้ำดิบว่าเป็นน้ำอะไร
- ตรวจสภาพความขุ่นใส หรือสีสันว่าเป็นอย่างไร
อัตราการใช้คลอรีนกับน้ำต่าง ๆ
- หากน้ำมีความขุ่นมาก และเป็นน้ำบาดาล ให้ใช้คลอรีนในอัตรา
20 PPM. (กรัม/ม3)
- หากน้ำมีความขุ่นน้อย และเป็นน้ำบาดาล ให้ใช้คลอรีนในอัตรา
15 PPM. (กรัม/ม3)
- หากน้ำมีความขุ่นน้อย และเป็นน้ำประปา ให้ใช้คลอรีนในอัตรา
10 PPM. (กรัม/ม3)
การตรวจผลจะกระทำในเวลาหลังจากเติมคลอรีนแล้ว 12 ชม. หากคลอรีนมีค่าที่วัดได้โดยเครื่องมือวัดคลอรีนต่ำกว่า 0.5 PPM. ก็ให้เติมคลอรีนลงไปอีกเท่ากับจำนวนเดิม หากวัดได้ต่ำกว่า 1.5 PPM. ก็ให้เติมครั้งต่อไปเพียงครึ่งหนึ่งของจำนวนเดิม และวัดค่าใน 12 ชม.ถัดไป หากได้ค่าคลอรีนเกินกว่า 3 PPM. แล้วแสดงว่าเชื้อ และแร่โลหะหนักถูกทำลายไปหมดแล้ว ครั้งต่อไปต้องใช้คลอรีนเพียง 3 – 5 กรัม/ม3 ต่อวัน ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับจำนวนผู้ใช้สระว่ายน้ำหากผู้ใช้สระหนาแน่นมาก หรือมีการเติมน้ำ อาจต้องใช้คลอรีนมากกว่านี้ได้ สระบริการควรใช้อัตรา 5 – 10 กรัม/ม3
- การตรวจวัด และปรับค่า
การตรวจวัดค่า PH. ควรทำก่อนและหลังการเติมคลอรีน 30 นาที และให้
สังเกตสีน้ำ หลังการเติมคลอรีนทุกครั้ง เมื่อทำการเปลี่ยนถ่ายน้ำสระใหม่ หากมีสีเข้มขึ้นหลังการเติมคลอรีนอาจเป็นสีเขียวอ่อน, เขียวเข้ม, สีส้ม, สีน้ำตาล, สีเขม่าไฟ เป็นต้น อุบัติการนั้นหมายถึง น้ำนั้นประกอบด้วยสารละลายโลหะหนัก หรือเป็นน้ำบาดาลที่มีสารละลายสูง ค่าของ PH มักจะสูงขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับการวัดก่อนเติมคลอรีน และถ้าค่า PH สูงกว่า 7.6 หมายถึง จะเกิดคราบโลหะบนผิวกระเบื้องได้ ต้องรีบทำการลดค่า PH ลงโดยใช้กรดเกลือให้ประเมินจากค่า PH ของน้ำ ถ้าเป็นน้ำบาดาลใหม่มักมีค่าแอลคาลินิตี้สูง มักให้สารส้มระหว่าง 50 – 100 กรัม/ม3 ของน้ำอันจะเป็นการลดค่าด่างและค่าแอลคาลายได้ดี และเพื่อป้องกันการเกาะคราบของโลหะ ควรใช้ POOL – BRIGHT 10 ซีซี/ม3 ของน้ำในสระจะป้องกันการเกาะคราบของโลหะหนักได้ ไม่ควรใช้สารส้มกับสระ ถ้าไม่ได้เปลี่ยนน้ำใหม่และจะต้องเป็นน้ำที่มีค่าแอลคาลายสูงเท่านั้น
ในระหว่างการปรับคลอรีนนั้นก็ต้องทำการปรับค่า PH ของน้ำควบคู่กันไปด้วย ค่า PH ต่ำก็ต้องใช้โซดาแอช หากสูงก็ให้ใช้กรดเกลือ การเติมทั้งโซดาแอช หรือ กรดเกลือ ก็ให้เติมแต่น้อย คือ ถ้าเป็นโซดาแอช ครั้งละ 2 กก./100 ม3 ถ้าเป็นกรดเกลือให้ใช้ในอัตรา 2 – 5 ลิตร/100 ม3 จำนวนกรด หรือด่างที่เติมให้สังเกตุจากค่า PH เช่น ค่า PH 7.6 – 7.7 อาจใช้เพียงคลอรีน 90% ไปสักพักก็จะลดเอง ไม่ต้องเติมกรด หรือถ้ามีค่า PH 8.0 – 8.5 ให้ใช้กรด 2 – 5 กก./ม3 เป็นต้น การเติมโซดาแอช เมื่อค่า PH ต่ำ ก็ให้คิดในทำนองเดียวกัน ทั้งนี้ให้ตรวจวัดผล 24 ชม. จากเวลาที่ทำการเติมปรับนั้น ๆ สังเกตุจากค่า PH เข้าเป้าระหว่าง 7.4 – 7.6 ได้แล้วก็ทิ้งไว้จนกว่าจะครบ 24 ชม. แล้วจึงวัดใหม่ หากเปลี่ยนแปลงไปก็ให้ปรับเพิ่มอีกเล็กน้อยลดลงเพียงครึ่งหนึ่ง หรือเท่าที่จำเป็น เมื่อน้ำเข้าสู่สภาวะสมดุลย์ค่า PH จะอยู่คงที่นานพอควรหากน้ำเข้าสู่สภาพสมดุลย์แล้ว ถ้าใช้คลอรีนชนิด 90% ให้ใส่โซดาแอช ในปริมาณครึ่งหนึ่งของน้ำหนัดคลอรีนทุกวัน ห่างกัน 12 ชม.จะคุมน้ำให้อยู่ในสภาพสมดุลย์ได้นาน เมื่อชำนาญแล้วก็สามารถควบคุมได้ตลอดไป
ระบบการทำงานของสระว่ายน้ำ
สระว่ายน้ำ แบ่งออกเป็น 2 ระบบ คือ
- ระบบสกิมเมอร์
เป็นระบบเก่าน้ำไม่ถึงของสระ มีข้อสังเกตุได้ว่า ระดับน้ำมักต่ำกว่าขอบสระประมาณ 10 – 20 ซม. และมีช่องปากสกิมเมอร์อยู่ที่ขอบสระ ซึ่งเป็นที่ขจัดฝุ่นละอองผิวน้ำ และน้ำในสระจะหมุนเวียนเข้าผ่านเครื่องกรอง เพื่อทำความสะอาด และกลับสู่สระดังเดิม
- ระบบโอเวอร์โฟล (น้ำล้น)
เป็นระบบใหม่น้ำเต็มปริ่มขอบสระ ล้นลงรางไหลไปลงบ่อพักน้ำ น้ำเหล่านี้
ถูกปั๊มสูบน้ำไปสู่เครื่องกรอง เพื่อขจัดความสกปรกออก และนำกลับสู่สระน้ำต่อไป ระบบใหม่นี้จะดูสะอาด และสวยงามกว่าระบบเดิม เพราะเมื่อฝุ่นละอองสัมผัสผิวน้ำแล้ว ก็จะล้นออกไปจากสระทันที หากเครื่องปั๊มทำงาน
การเปรียบเทียบ 2 ระบบ ข้อดีกว่า 0,ข้อด้อยกว่า X
สระน้ำล้น สระสกิมเมอร์
- ความสวยงาม 0 X
- ความสะอาด 0 X
- การลงทุน X 0
- ค่าบำรุงรักษา X 0
- การรักษาความสะอาด 0 X
สระว่ายน้ำทุกชนิด มักมีระบบการกรองน้ำขจัดสิ่งสกปรก และนำน้ำที่สะอาดแล้ว หมุนเวียนกลับสู่สระว่ายน้ำ และไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนน้ำบ่อย ๆ เพราะเป็นการประหยัดค่าน้ำ และค่าเคมีอีกด้วย บางท่านอาจคิดว่าน้ำในสระสกปรกมาก แต่อันที่จริงน้ำในสระที่อยู่ในสมดุลย์ และถูกสุขลักษณะมักสะอาดใกล้เคียงกับน้ำประปา เพราะมีการฆ่าเชื้อ และทำการกรองซ้ำแล้วซ้ำอีกจนสะอาดเงางาม แม้เหงื่อไคลผสมบ้าง เมื่อเปรียบเทียบกับจำนวนน้ำในสระแล้ว ถือว่าเป็นจำนวนน้อย เพราะเครื่องกรองจะหน้าที่กรองติดต่อกันไปตลอดเวลาที่มีผู้ใช้สระว่ายน้ำ มักจะมีการนำเอาน้ำในสระไปล้างเครื่องกรองบ้าง และเติมใหม่เท่ากับการเป็นการรักษาสมดุลย์ และมีน้ำเข้ามาทดแทนใหม่ตลอดเวลานั้นเอง สระว่ายน้ำทั่วไป มักจะทำการถ่ายน้ำทำความสะอาดใหญ่ทุก ๆ 5 – 10 ปีต่อครั้ง หรือในกรณีจำเป็นเท่านั้น
ข้อควรระวัง
สระฝังดิน หากทำการล้างสระนำน้ำออกจากสระ มักมีอาการเปลี่ยนแปลงอันเกิดจากสระถอนตัว เนื่องจากแรงลอยตัวของส่วนลึกของสระว่ายน้ำ จึงควรกระทำในฤดูที่มีน้ำใต้ดินต่ำที่สุด และใช้เวลาไม่เกิน 24 ชม.ควรรีบเติมน้ำลงสระทันทีที่ทำความสะอาดเสร็จ หรือเร็วที่สุด
การดูแลและตรวจสภาพเครื่องปั๊ม
การตรวจอาการปั๊มน้ำอุปกรณ์ในสระว่ายน้ำ หากกล่าวถึงเครื่องปั๊มน้ำจะถือว่าเป็นหัวใจซึ่งสำคัญที่สุดของสระว่ายน้ำก็ว่าได้ เพราะหากส่วนอื่น ๆ เสีย การรักษาให้น้ำอยู่ในสภาพใกล้สมดุลย์ที่สุดได้ โดยเพียงเดินเครื่องปั๊มน้ำหมุนเวียน และเติมคลอรีนเลี้ยงไว้ก็สามารถทำได้ ดังนั้น ถ้าปั๊มน้ำเกิดปัญหาทุกอย่างก็จบสิ้น การตรวจสอบสภาพปั๊มน้ำอย่างสม่ำเสมอ มักทำให้สระว่ายน้ำสิ้นปัญหาไปแล้วกว่าครึ่ง อาการบ่งบอกของต้นเหตุแห่งการผิดปกติของปั๊ม ได้แก่
- อาการเสียงดัง แบ่งออกเป็น 2 อาการ ดังนี้
– อาการท่อดูดรั่ว ปั๊มจะดูดอากาศเข้าผสมกับน้ำทำให้เกิดเสียงดัง ควรได้รับการแก้ทันทีมิฉะนั้น อาจเกิดอาการดูดน้ำไม่ได้ จะทำให้เครื่องทำงานเปล่าเสียทั้งค่าไฟฟ้า และน้ำก็จะเสียตามด้วย
– อาการเสียงดังจากลูกปืนแกนมอเตอร์ ซึ่งเป็นหนักเข้า เครื่องจะร้อน และมอเตอร์อาจไหม้ได้
- อาการรั่วของแมคคานิคอลซีล
อาการนี้จะทำให้น้ำไหลหยด และทำให้ลูกปืนในมอเตอร์เป็นสนิม และในที่สุดอาจลุกลามจนเกิดอาการมอเตอร์ลัดวงจร อาการต่าง ๆ มักลุกลามหากทิ้งไว้โดยไม่เหลียวแล
หมายเหตุ
เนื่องจาก มอเตอร์ของปั๊มสระว่ายน้ำ เป็นมอเตอร์ที่แตกต่างไปจากมอเตอร์ทั่วไป ไม่มีอะไหล่ในตลาด และอาจต้องใช้เครื่องมือพิเศษ จึงควรแจ้งบริษัทฯ ผู้ขายให้มาทำการตรวจซ่อม มิฉะนั้น อาจเสียเงินหลายต่อ และช่างที่ไม่ชำนาญเครื่องอาจทำให้อะไหล่อื่นเสียหายไปด้วย ดังนั้น จึงควรระมัดระวังเป็นอย่างยิ่งในการเรียกบริการ เมื่อเครื่องชำรุด
การดูแลและบำรุงรักษาเครื่องกรอง
เครื่องกรองน้ำทุกชนิด ต้องหมั่นตรวจตราดูแลให้สะอาด และไม่ให้ทำงานเกิดจุดคุ้มค่าใช้จ่าย กล่าวคือ
- ต้องหมั่นตรวจความสะอาด โดยสังเกตุจากเครื่องวัดแรงดัน จะต้องล้างเครื่องกรองเมื่อมีค่าต่ำกว่าแรงดันสูงสุด 5 ปอนด์/นิ้ว2 ทั้งนี้ เพราะถ้ามีแรงดันมากจำนวนการไหลของน้ำผ่านเครื่องกรองก็จะน้อยลงตามลำดับ ซึ่งจะมีมูลค่าไฟฟ้าต่อทุก ม3 ของการกรองน้ำให้สะอาดแพงขึ้นเรื่อย ๆ และการนี้จะส่งผลกระทบต่อราคาการใช้เคมี/ม3 ของน้ำด้วย และนอกจากนี้ยังส่งผลต่ออุณหภูมิของปั๊มน้ำอาจกระทบถึงการหลวมของท่อน้ำต่าง ๆ ซึ่งอาจหลวม หรือแตกได้ รวมถึงอันตรายต่อลูกปืนในมอเตอร์ปั๊มน้ำ ,ใบจักร, หอยโข่ปั๊ม ถ้าทิ้งไว้นาน ๆ อาจทำให้มอเตอร์ไหม้ได้อีกด้วย
- จะต้องหลีกเลี่ยงการใช้สารส้ม หรือจุดสีโดยไม่จำเป็น เพราะสารทั้ง 2 ชนิด ประกอบด้วย So4 (ซัลเฟต) ซึ่งเมื่อรวมตัวกับ Ca (แคลเซียม) แล้วจะเกิดตะกอนลักษณะสีเหลือง และสีอมเขียว สารนี้จะทำให้ทราย หรือสารกรองจับตัวเป็นก้อน และถ้าเป็นไส้กรอง หรือผ้ากรอง จะทำให้ไส้กรองหรือผ้ากรองอุดตันได้ จะใช้ต่อเมื่อเลี่ยงไม่ได้เท่านั้น และอาจใช้วิธีดูดตะกอนทิ้ง เพื่อลดปัญหาหรืออาจทำการล้างเครื่องทันทีที่ปรับสภาพน้ำเข้าที่ ก็จะเป็นการแก้ไขปัญหาได้เปราะหนึ่ง
- การเติมน้ำใหม่ลงสระน้ำ ด้วยน้ำที่มีแร่โลหะสูง ก็เป็นอีกปัญหาหนึ่งที่ควรระวังเพราะสารละลายโลหะหนัก หลังจากการทำสันดาป โดยคลอรีน หรือออกซิเจนในอากาศก็ดีจะแสดงสีสันในลักษณะสีสนิมบ้าง สีเขียวบ้าง หรือสีหมากรุกบ้าง บางครั้งอาจมีสีดำทั้งนี้แล้วแต่ชนิดของโลหะหนักต่าง ๆ ที่มีในน้ำดิบนั้น ๆ ตะกอนโลหะออกไซด์เหล่านี้มีอำนาจในการจับเกาะ และล้างออกยาก หากทิ้งไว้ข้ามวันก็ยิ่งติดแน่น ดังนั้น จึงควรดูแลรักษาเป็นพิเศษในระยะนี้ เพราะหากทิ้งไว้อาจมีปัญหามากขึ้นได้ 3 ลักษณะ คือ
วิธีแก้การเกิดคราบ
- เกิดคราบโลหะหนักมาเกาะสะสมกันบนผ้ากรอง หรือไส้กรอง
วิธีแก้ ต้องแช่ในน้ำกรดเกลือเข้มข้น 10% เป็นเวลาไม่เกิน 10 นาที หากน้ำกรดไม่เกิดฟองแล้วแสดงว่าหมดปฏิกิริยา หรือหมดประสิทธิภาพแล้วอย่างใดอย่างหนึ่ง หากนำแผ่นที่ยังไม่ได้แช่ลงเช่แล้วเกิดฟองขึ้น แสดงว่ากรดยังมีประสิทธิภาพแล้วอย่างใดอย่างหนึ่ง หากนำแผ่นที่ยังไม่ได้แช่ลงแช่แล้วเกิดฟองขึ้น แสดงว่ากรดยังมีประสิทธิภาพอยู่ใช้แช่แผ่นต่อ ๆ ไปได้หากมีฟองน้อยก็แสดงว่ากรดหมดอำนาจแล้ว ควรเตรียมกรดใหม่แช่ฉีดผ้ากรองด้วยน้ำแรงดันสูง และฟอกผ้ากรองด้วยแชมพูใส หรือ SUPER CLEANER โดยใช้มือหรือฟองน้ำห้ามใช้แปรงเพราะจะทำให้ผ้า หรือไส้กรองฟู อันจะทำให้อายุผ้า หรือไส้กรองสั้นลง
- เกิดจากคราบสารส้ม หรือจุลสี
วิธีแก้ ก็เช่นเดียวกันกับคราบโลหะหนักเช่นกัน เพราะคราบเหล่านี้จะละลาย
ในน้ำกรดเท่านั้น แต่จงจำไว้ด้วยว่า การแช่กรดแต่ละครั้งเป็นการบั่นทอนอายุการใช้งานของผ้าหรือไส้กรองให้สั้นลงเสมอ คราบมักเกิดเมื่อค่า PH ของน้ำสูง
- เกิดจากคราบเหงื่อ หรือไขมันต่าง ๆ
วิธีแก้ หลังจากการล้างโดยปกติแล้ว ควรหมั่นถอดออกมาฉีดด้วยน้ำที่มี
แรงดันสูงประมาณ 40 – 60 ปอนด์/ตารางนิ้ว จนสะอาดพอสมควรนำมาฟอกด้วยแชมพูสระผม หรือน้ำยาล้างแผ่นกรอง SUPER CLEANER ทิ้งไว้สัก 5 นาที และฉีดออกด้วยน้ำที่มีแรงดันประมาณ 40 – 60 ปอนด์/ตารางนิ้ว จนสะอาด
ข้อควรระวัง
ห้าม ใช้แปรงทุกชนิด สก๊อตไบรท์ หรือวัสดุอื่นใดขัดถูผ้ากรอง และไส้กรองโดยเด็ดขาดเพราะจะทำให้เส้นใยในผ้า หรือไส้กรองฟู ซึ่งจะทำให้ผ้ากรอง หรือไส้กรองนั้นอุดตันง่าย และอายุสั้นกว่ากำหนดอย่างน่าเสียดายทั้ง ๆ ที่ยังไม่ขาด
การบำรุงรักษาสระและเครื่องมือที่ใช้
การบำรุงรักษาสระว่ายน้ำ นับว่าเป็นกิจวัตรประจำวันของนักบริหารสระว่ายน้ำ ซึ่งมีเป็นประจำ โดยเริ่มขึ้นเมื่อเช้าตรู่เมื่อมีแสงสว่างเพียงพอ จะต้องเริ่มโดยการทำการดูตะกอน ตั้งแต่ลมยังสงบ และแดดไม่กล้าจนเกิดความร้อน และแสงสะท้อนเข้าตา การดูดตะกอนควรเริ่มจากที่ตื้นไปสู่ที่ลึก การดูดตะกอนควรทำโดยละเอียดทุกตารางนิ้ว ความเร็วของการทำงานก็ควรให้สัมพันธ์พอเหมาะกับแรงดูด เพราะมิฉะนั้นจะทำให้การเกิดตะกอนฟุ้ง ก็จะเกิดการมัวขึ้นโดยไม่จำเป็น เมื่อดูดตะกอนเสร็จแล้วจะต้องทำการขัดสระให้สะอาด ทั้งนี้ เพื่อมิให้คราบไม่สามารถดูดขึ้นได้ด้วยแรงดูดของหัวดูดตะกอน ต้องตกค้างไว้นานเกิน 24 ชม. เพราะจะเกิดเป็นคราบถาวรไปในที่สุดนั้นเอง หรือใช้หัวดูดชนิดมีแปรงในตัวจะทำให้ประหยัดแรงงานได้
เมื่อเสร็จจากการทำความสะอาดแล้ว จะต้องใช้เครื่องตรวจวัดค่า PH และคลอรีนทำการตรวจค่า PH และค่าคงเหลือของคลอรีน เพื่อให้รู้สภาพการเป็นไปของคุณภาพ และแนวโน้มของสภาพสมดุลย์ ค่า PH รักษาระดับ 7.4 – 7.6 เท่านั้น หากต่ำ หรือสูงกว่าจะต้องเติมเคมีเพื่อปรับสภาพทันที การปรับควรปรับแต่น้อย ๆ เสมอ จนค่า PH สู่ระดับ 7.4 – 7.6
ปัจจุบัน นิยมใช้คลอรีนชนิด 90% ควรทำให้สภาพ PH สมดุลย์ โดยเติมคลอรีนในเวลาค่ำ และเติมโซดาแอชในปริมาณครึ่งหนึ่งของคลอรีนในเวลาเช้า หลังจากทำความสะอาดสระเสมอ ซึ่งจะรักษาระดับ PH ได้ดีพอสมควร ทั้งนี้ อาจต้องปรับบ้างเป็นครั้งคราว หาก PH เริ่มสูงขึ้นให้หยุดเติมโซดาแอชเป็นครั้งคราว เนื่องจาก สภาวะแวดล้อมอื่น ๆ อาทิเช่น การเติมน้ำใหม่ หรือเมื่อมีเด็กเล็กลงเล่นน้ำมาก ฝนตกหนัก ร้อนจัด มีผู้ใช้สระมากผิดปกติ ฯลฯ
ส่วนค่าของคลอรีนในช่วงเช้า หากเป็นสระบ้านควรอยู่ในระดับ 2 PPM. แต่หากเป็นสระบริการควรให้อยู่ในค่าไม่ต่ำกว่า 3 PPM. เพราะหลังดวงอาทิตย์ขึ้นสู่ระดับสูง อุณหภุมิของน้ำจะสูงขึ้น และอุลตร้าไวโอเล็ตก็จะแรงกล้าขึ้น ทำให้ระดับคลอรีนในน้ำลดลงเรื่อย ๆ
ปัจจุบัน สระว่ายน้ำในประเทศ เริ่มนิยมการใช้เครื่องอัตโนมัติในการควบคุมสภาพน้ำ ร่วมกับการใช้เครื่องกรองทราย เพราะสะดวกและประหยัดค่าใช้จ่าย และง่ายต่อการบำรุงรักษา การเติมคลอรีน หรือการเตรียมกรดด่างปรับค่า PH แต่ละครั้งอยู่ได้หลายวัน ซึ่งเครื่องป้อนเคมีในปัจจุบันทันสมัยกว่าแต่ก่อน ซึ่งมีแต่ปั๊มป้อนจำนวนน้อย ๆ เมื่อฝนตกหนักทีไรน้ำในสระต้องเสียทุกครั้ง เพราะอัตราการเพิ่มคลอรีนน้อยเป็นผลทำให้เกิดปัญหาอยู่บ่อยครั้ง ปัจจุบันมีเครื่องกลที่มีความคล่องตัวในการปรับสภาพสูง และมีระบบฆ่าเชื้ออัตโนมัติต่าง ๆ เช่น เครื่องเปลี่ยนค่า Nacl ให้เป็นคลอรีน Naocl และเครื่องผลิต O3 ตลอดจนเครื่องเติมคลอรีนชนิดเฉียบพลันเป็นต้นขอข้อมูลเพิ่มเติมได้จาก บริษัท พูล-เทค จำกัด โทร.274-3484-6
การเติมคลอรีนนั้น ควรเติมในเวลากลางคืนหลัง 20.00 น. หรือถ้าเป็นสระบริการควรทำหลังปิดสระวันละครั้ง สำหรับสระบริการต่าง ๆ ในช่วงวันหยุด หรือในช่วงรับนักศึกษาปิดภาคควรเสริมคลอรีนในช่วงบ่าย ทั้งนี้ ขึ้นกับสภาพความคับคั่งของผู้เข้าใช้บริการ มักนิยมใช้คลอรีนก้อนเสริมในบ่อพักน้ำล้น หรือในสกิมเมอร์ เพื่อรักษาระดับคลอรีนมิให้ขาด
โปรดจำไว้ว่าแม้ 10 นาทีที่คลอรีนขาดไปจากน้ำ คือ การขาดสมดุลย์ของสระ ที่จะทำให้เกิดปัญหาได้ การเติมคลอรีนเกิน 10% ต่อวันจะประหยัดกว่าการเติมขาด 5% ต่อวัน เป็นมูลค่าถึง 20% หรือมากกว่านั้น เพราะเมื่อคลอรีนเริ่มขาด และเชื้อฟักตัวขึ้นแล้ว จะเริ่มเกิดการแบ่งเซล และสร้างโปรตีนในน้ำมากขึ้น ต้องการคลอรีนมากขึ้น และเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว หากเติมคลอรีนแล้ว กว่าคลอรีนจะกระจายไปทั้งสระก็ใช้เวลาพอสมควร และเนื่องจากมีเชื้อเกิดขึ้นมากเครื่องกรองน้ำก็ต้องทำงานหนักจะเกิดการอุดตัน เมื่อเกิดการอุดตันน้ำหมุนเวียนผ่านเครื่องกรองก็จะน้อยลง การกระจายคลอรีนให้ทั้งสระก็จะลดลงทำให้ปัญหาเพิ่มขึ้น และนี่คือสาเหตุลุกลามของสภาพน้ำเสียสมดุลย์ จึงควรระมัดระวังอาการนี้ให้ดี
เครื่องมือทำความสะอาดและควบคุมสระว่ายน้ำ
- ชุดวิเคราะห์ค่า PH และคลอรีน
หลังการใช้ให้เก็บรักษาในตู้เย็น หรือสถานที่เย็นเป็นชุดตรวจหาค่าเพื่อควบคุมสภาพสมดุลย์ของสระว่ายน้ำ เพื่อทราบแนวโน้มการที่ต้องเติมหรือไม่ของสารเคมีในเวลานั้น ๆ ควรใช้วัดอย่างน้อย 3 ครั้งต่อวัน คือ เวลาหลังจากดูดตะกอนเช้า 8.00 น. เวลา 14.00 น.และเวลาเย็น 19.00 น. ค่าคลอรีนควรจะได้ 3,2,0.5 PPM. เป็นต้น หากเป็นสระบ้านอาจวัดวันละครั้งในตอนเช้าก็ได้ ควรมีคลอรีนอย่างน้อย 2 PPM
- หัวดูดตะกอนและสายดูด
ใช้ร่วมกันโดยต่อเข้ากับด้ามอลูมิเนียมยาว เพื่อใช้ทำความสะอาดเปรียบเทียบเหมือนเครื่องดูดฝุ่นละอองจากพื้นสระนั้นเอง อุปกรณ์ทำความสะอาดสระมักประกอบด้วยผลิตภัณฑ์พลาสติก ไม่ควรทิ้งไว้ให้ถูกแสงแดดนาน
ข้อสำคัญ ต้องใส่อากาศในสายดูดตะกอนให้หมด
- แปรงไนล่อน
มักจะเป็นแปรงหน้ากว้าง 18” ใช้ปัดฝุ่นที่เกาะผิวกระเบื้องให้หลุดลอยไม่เกาะเป็นคราบตามผนัง หรือพื้นสระ
- ตะแกรงช้อนผง
มี 2 ชนิด คือ ชนิดบางและชนิดถุง ชนิดบางยังแบ่งเป็น 2 ชนิด คือ ชนิดมีแม่เหล็ก และไม่มีแม่เหล็ก จุดประสงค์ของชนิดมีแม่เหล็ก เพื่อดูดเศษโลหะที่ตกลงก้นสระเช่น กิ๊บติดผม หรือตะปู และเศษโลหะอื่น ๆ ทั้งนี้ เมื่อวัตถุเหล่านี้ตกลงก้นสระจะต้องเก็บขึ้นโดยทันทีมิฉะนั้น จะเกิดคราบสนิมเกาะพื้นที่นั้น ๆ และยากต่อการขจัดได้โดยไม่ถ่ายน้ำออก แม้ในปัจจุบันมีน้ำยาที่ทำได้ก็ตาม แต่ก็ต้องสิ้นเปลืองเงินทองไม่น้อยทีเดียว และใช้ตักใบไม้ต่าง ๆ อันเป็นงานหลัก
- แปรงลวดสแตนเลส
ใช้ทำการขจัดตะไคร่น้ำในร่องยาแนวกระเบื้อง และคราบสนิมหินปูนในแผ่นกระเบื้อง จะใช้ในเวลาที่จำเป็นเท่านั้น
- ด้ามอลูมิเนียม
มีไว้ใช้ควบคุมกับอุปกรณ์ต่าง ๆ ดังที่ได้กล่าวมาแล้วให้ทำงานในที่ลึกได้สะดวกนั้นเอง
การเติมเคมีและการแก้ปัญหาสระว่ายน้ำ
เคมีภัณฑ์ที่ใช้ในสระว่ายน้ำ แบ่งออกเป็นประเภทโดยการทำงาน 4 ประเภท คือ
- เคมีที่ทำหน้าที่ฆ่าเชื้อ มีดังนี้
– คลอรีนใช้ในการฆ่าเชื้อทุกชนิดโดยทั่วไป
– ผลิตภัณฑ์ป้องกันตะไคร่น้ำ มักประกอบด้วยสารประกอบทองแดง เช่น POOL CONTROL
– ป้องกันการเกาะคราบของโลหะหนัก และแก้ปัญหาน้ำบาดาลใช้ POOL BRIGHT
– ผลิตภัณฑ์ขจัดตะไคร่น้ำเขียวเฉียบพลัน BIO CLEAR
- เคมีทำหน้าที่ขจัดคราบที่ไม่ใช่โลหะหนัก และคราบโลหะหนัก มีดังนี้
น้ำยาทำความสะอาด มักจะเป็นน้ำยาขจัดคราบไขมันที่ไม่เกิดฟองมาก หรือแทบไม่มีฟองเลย เพราะฟองที่เกิดในสระว่ายน้ำจะก่อให้เกิดความน่ารังเกียจ และทำให้เกิดผลกระทบต่อตาผู้เล่น เช่น ผลิตภัณฑ์ SUPER CLEANER หากเป็นคราบโลหะหนักต้องใช้ POOL – BRIGHT ถ้าเป็นเล็กน้อยอาจใช้ขัดออกด้วยสก๊อตไบรท์ชุบ POOL – BRIGHT ถ้าคราบหนาสูบน้ำออก และล้างด้วยกรดเกลือ
- เคมีปรับค่า PH ได้แก่ กรด หรือ ด่าง ที่ใช้อยู่ทั่วไป มีดังนี้
– กรดเกลือ HCL ใช้ลดค่า PH ให้ต่ำลง เนื่องจากกรดมีอำนาจในการกัดกร่อนโลหะรุนแรง และเป็นอันตรายต่อผิวหนัง จึงควรระมัดระวังการใช้ การผสม ควรใช้ถังที่เป็นผลิตภัณฑ์พลาสติก การคนให้เข้ากันก็ต้องชพลาสติกด้วย ต้องเจือน้ำอย่างน้อย 20 ต่อ 1 ก่อนเทลงสระน้ำ เป็นต้น เคมีที่ใช้แทนกรดอ่อน ซึ่งเป็นสารประกอบของโซเดียม คือ โซเดียมไบซัลเฟต
– โซดาแอช Naco3 ใช้เพิ่มค่า PH ให้สูงขึ้น โซดาแอชมีอันตรายต่อผิวหนัง และมีการกัดกร่อนโลหะเช่นเดียวกับกรด แต่มีอำนาจน้อยกว่ามาก การผสมก็ควรใช้มาตรการเดียวกับกรด แต่ใช้ง่าย และมีพิษน้อยกว่ามาก
ห้าม ผสมกับคลอรีนเด็ดขาดจะมีอันตรายมาก
- สารเร่งการตกตะกอน มี 2 ประเภท คือ
– สารส้ม การใช้สารส้มในการเร่งการตกตะกอนนั้น มักใช้ทั่วไปในการทำ
น้ำให้ใสตัวเร็วแต่ในสระน้ำไม่ควรใช้บ่อยครั้ง เพราะการตกตะกอนโดยสารส้มจะเกิดตะกอนของแคลเซียมซัลเฟต อาจมีภัยต่อเครื่องกรองดังกล่าวมาแล้ว ควรระวังอย่างยิ่ง
- ผลิตภัณฑ์เร่งการตกตะกอนจากต่างประเทศ เป็นผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีสารประกอบ
ของซัลเฟต จึงไม่มีปัญหาต่อเครื่องกรอง มีราคาสูงแต่ใช้จำนวนน้อยกว่าสารส้มมาก เช่น BIO CLEAR มีฤทธิ์ในการฆ่าเชื้อในตัว
หลัก 3 ประการในการประหยัดค่าใช้จ่ายและแรงงาน
คุณภาพน้ำในสระว่ายน้ำ ขึ้นอยู่กับหลัก 3 ประการ ที่จะต้องสนใจและดูแลอย่างมีวินัย คือ
- ค่า PH
- ค่าคลอรีน หรือการควบคุมให้ปลอดเชื้อ
- ความสะอาด และสมบูรณ์ของระบบกรองน้ำ
องค์ประกอบทั้ง 3 นี้ หากขาดข้อใดข้อหนึ่ง จะทำให้เกิดความเปราะบางของการเกิดปัญหาซึ่งนำมาซึ่งการเสียสมดุลย์ สิ้นเปลืองทั้งค่าใช้จ่าย และแรงงาน ตลอดจนอันตรายต่อผู้บริโภค
- ค่า PH มีผลต่อการทำงานของคลอรีน คือ ถ้า PH ต่ำ ทำให้การสลายตัวของ
คลอรีนสูง ทำให้เปลืองค่าบำรุงรักษา และควบคุมการเจริญของจุลชีวะได้ยาก กัดกร่อนปูนยาแนวกระเบื้อง และกัดขอบสระที่ทำด้วยกรวดล้าง หินขัด ตลอดจนส่วนที่เป็นโลหะต่าง ๆ เช่น ท่อ, กรอบไฟ, ปั๊มน้ำ, เครื่องกรอง เป็นต้น
- ค่าคลอรีน ตลอดเวลา 24 ชั่วโมง น้ำในสระจะขาดคลอรีนไม่ได้เลย เวลาที่มี
น้อยสุด คือ หลังจากใช้สระ จะต้องมีไม่น้อยกว่า 0.2 PPM. หากขาดคลอรีนก็จะเกิดการขยายตัวของจุลชีวะได้ทันที เพราะจุลชีวะมีทั้งในอากาศ และในสิ่งแวดล้อมโดยทั่วไปแพร่ขยายได้เร็วในน้ำสระ เพราะมีอาหารอุดมสมบูรณ์มาก ทั้งโปรตีน และแร่ธาตุเมื่อขาดคลอรีนตะไคร่น้ำ และเชื้อต่าง ๆ จะเจริญเติบโตได้เร็วมาก
- ความสะอาด และความสมบูรณ์ของระบบกรองน้ำ หากระบบนี้มี
ข้อบกพร่องต่าง ๆ อาทิตย์
ระบบปั๊มส่งน้ำเกิดปัญหา
– ใบพัดปั๊มมีปัญหา, กำลังส่งบกพร่องขับดันน้ำได้น้อย, มอเตอร์ไม่ทำงาน,
ท่อรั่ว, ลูกปืนตาย
ระบบเครื่องกรอง
– เครื่องกรองชำรุด, อุดตัน, ผ้ากรองเสื่อม, ใส่ผงกรองน้อยกว่ากำหนด, ใช้สารกรองผิดประเภท, ขาดการล้าง และบำรุงรักษา
ค่า PH มองข้ามไม่ได้ ค่า PH ของน้ำ คือ ต้นเหตุสำคัญของความสิ้นเปลือง และเหนื่อยยากของผู้ควบคุมดูแลสระว่ายน้ำ และยังทำให้สิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายสารพัด ดังนี้
PH ต่ำ Ø คลอรีนตก – เชื้อเกิดตะกอนมาก – เครื่องกรองตัน – ดูดตะกอนบ่อย – ล้างเครื่องกรองบ่อย – เติมน้ำมาก เปลืองน้ำ, คลอรีน, แรงงาน, เกิดการสึกกร่อน
PH สูง Ø น้ำเสียบ่อย – กระเบื้องสาก – สระสกปรก – เกิดเชื้อน้ำหมองบ่อย – เกิดตะไคร่ดำ – เครื่องกรองตัน – น้ำเหม็น – สิ้นเปลืองน้อยกว่า PH ต่ำ แต่สระสกปรกมากกว่า สรุปแล้วเปลืองทั้งค่าใช้จ่าย และแรงงาน
คลอรีนผู้พิทักษ์ คลอรีนมีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนกว่า PH แต่คลอรีนจะทำงานได้ดีหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับค่า PH
คลอรีนต่ำ Ø เกิดเชื้อ – เกิดตะกอน – ต้องดูดตะกอนบ่อย – ล้างเครื่องกรองบ่อย – เปลืองผงกรอง – เปลืองน้ำ – เติมน้ำบ่อย – เปลืองค่าใช้จ่าย – เปลืองแรงงาน – อันตรายเป็นแหล่งแพร่เชื้อ
คลอรีนสูง Ø เปลืองค่าใช้จ่าย – อันตรายต่อผู้ใช้บริการ – เปลืองกรด/ด่าง ในการปรับค่า PH ถ้าคลอรีนสูงเล็กน้อย เป็นผลดีมากกว่าผลเสีย
ความพร้อมของระบบกรอง ระบบกรองมีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนกว่า PH และคลอรีนถ้าระบบกรองบกพร่อง – ตะกอนสะสมน้ำสกปรก – เปลืองคลอรีน – น้ำเหม็น – ท่อรั่ว – อะไหล่ปั๊มชำรุด – เปลืองค่าเคมี – เสียลูกค้า ทิ้งไว้นานต้องเปลี่ยนน้ำทั้งสระ
ข้อเตือนความจำของนักบริหารสระว่ายน้ำ
- พึงสำนึกเสมอว่า สวัสดิภาพของผู้ใช้บริการขึ้นอยู่กับคุณสมบัติของผู้ดูแล
สระว่ายน้ำ การควบคุมคุณภาพน้ำ และเครื่องกรองรวมถึงกาใช้เคมีภัณฑ์ มีผลโดยตรงต่อสุขภาพ และค่าใช้จ่าย
- หากน้ำขาดความสะอาด และมิได้อยู่ในสมดุลย์ สระว่ายน้ำนั้นเท่านั้นเท่ากับ
เป็นแหล่งแพร่เชื้อขนาดใหญ่ที่ไม่จำกัดผู้ติดเชื้อ
- การใช้เคมีที่ไม่ถูกต้อง ตามหลักวิชาชีวะเคมีการควบคุมสระว่ายน้ำ มักทำให้
สิ้นเปลืองโดยไร้ประโยชน์ การใช้คลอรีนในสระเกินวันละ 10% จะประหยัดกว่าขาดวันละ 5% ถึง 50% ของค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษา
- การขาดคลอรีนจะทำให้ต้องเสียคลอรีนเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ เพราะเชื้อจะเพิ่ม
และต้องการคลอรีนมากขึ้นเรื่อย ๆ
- เมื่อเห็นเค้าฝนควรเพิ่มคลอรีน และเดินเครื่องเต็มกำลัง เพื่อรับกับน้ำฝนที่จะ
ตกลงมาเสมอ จำนวนเพิ่มประมาณ 50% ของการใช้/วัน
- PH ของน้ำจะต้องหมั่นปรับให้อยู่ในสภาพสมดุลย์เสมอ ระหว่าง 7.4 –6
- PH สูงเกิดตะกรัน คราบเปอะเปื้อน และทำให้แสบตา PH สูง หมายถึง
สูงกว่า 7.6 คลอรีนจะค้างไม่ระเหยตัว แต่ก็จะเฉื่อยทำให้เชื้อไม่ตาย
- PH ต่ำเกิดอาการกัดกร่อนยาแนวกระเบื้อง และอุปกรณ์และส่วนประกอบที่
ทำด้วยโลหะ PH ต่ำ คลอรีนใช้เปลืองและแสบตา PH ต่ำ หมายถึง ต่ำกว่า 7.4
- ฝุ่นละอองก้นสระ หากทิ้งไว้ข้ามวันอาจเป็นตะกรันได้
- ข้อปฏิบัติในการเติมน้ำในสระเพิ่มขึ้น ให้อ่าน และปฏิบัติตามโดยเคร่งครัด
จากหน้า 4 – 5
การตรวจและแก้ปัญหางานระบบ
การตรวจและแก้ปัญหางานระบบ
การตรวจและแก้ปัญหาน้ำเสีย
หมายเหตุ
– การใช้น้ำยาทุกชนิด ให้ผสมน้ำอย่างน้อย 10 เท่า ก่อนเทลงรอบ ๆ สระเสมอ ขณะใช้น้ำยา Pool Bright ค่าคลอรีน จะต้องไม่เกิน 1 PPM. จำนวนการใช้คลอรีนของสระต่อวัน ประมาณ 2 – 5 กรัม ต่อน้ำ 1 ล.บ.ม.สำหรับสระบ้านพักอาศัย หากเป็นสระบริการจะต้องใช้มากกว่านี้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับผู้มาใช้บริการประมาณ 5 – 10 กรัม/ม.3 ต่อวัน หากจำนวนคนมากให้ใส่มาก ถ้าคนน้อยก็ใส่น้อยลงตามส่วน
อาการขุ่นขาว
อาการน้ำขุ่นขาว มักเป็นอาการบ่งบอกให้ทราบว่า น้ำขาดสมดุลย์ข้อใดข้อหนึ่ง ในองค์ประกอบ 3 ประการ อย่างแน่นอน นั้นคือ
- เนื่องจากค่า PH สูง หรือต่ำกว่ากำหนด
– ค่า PH เกินกว่า 8.0 ขึ้นไป จะทำให้ค่าแคลเซียมเกิดตกตะกอนแขวนลอย เป็นสาเหตุหนึ่ง แก้โดยใช้กรดเกลือปรับค่า PH ลงน้ำก็จะหายขุ่นการปรับค่าทุกครั้งต้องดูแลค่าของคลอรีน และประสิทธิภาพการกรองด้วยเสมอ
– หากค่า PH ต่ำกว่า 7.1 อาการขุ่นมัวมักจะเป็นเพราะ ขาดคลอรีน หรือผิดปกติของระบบกรอง หรือทั้ง 2 อย่าง แก้ไขโดยเพิ่มด่าง (โซดาแอช) เพิ่มคลอรีน และเพิ่มประสิทธิภาพระบบกรองไปด้วยกัน
หมายเหตุ การปรับค่าจากค่า PH ต่ำกว่า 6.0 ควรระวังการตกตะกอนของโลหะหนัก ซึ่งจะทำให้เกิดคราบที่พื้นสระได้ การตรวจเพื่อความมั่นใจในการแก้ไข โดยใช้โซดาแอช 1 ช้อนโต๊ะ ละลายในน้ำ 1 ขัน คนจนผงโซดาแอชละลายดี น้ำจะใส นำน้ำละลายโซดาแอชนั้น เทลงในสระ หากแสดงปฏิกิริยาขุ่นขาว แสดงว่ามีโลหะหนักละลายตัวอยู่ หากเกิดปฏิกิริยาคล้ายเทน้ำเชื่อมลงในสระ แสดงว่าไม่มีสารละลายโลหะหนัก
– การเพิ่มค่า PH ในสระน้ำที่มีสารละลายโลหะหนัก ควรระวังการเกิดคราบบนกระเบื้อง โดยใช้ POOL BRIGHT 500 ซีซี./น้ำ 100 ม.3ป้องกันการเกาะคราบแล้วค่อยปรับด้วยโซดาแอช 5 กก./100 ม.3 เช้า, เย็น และหมั่นดูค่าคลอรีน และประสิทธิภาพระบบกรองให้ดี เดินเครื่องเต็มกำลังจนกว่าเข้าสู่สภาพปกติ หากผลตรวจค่าโลหะหนักไม่มีก็ไม่ต้องใช้ POOL BRIGHT แต่ขั้นตอนต่อไปก็เหมือนข้างต้น
- เนื่องจากขาดคลอรีน
หากค่า PH เป็นปกติ อาการขุ่นขาวอาจเกิดขึ้นหลังฝนตก หรือเมื่อมีผู้ใช้สระมากผิดปกติ แก้ไขโดยเพิ่มคลอรีนชนิดทำปฏิกิริยาเร็ว เช่น คลอรีนละลายเร็ว 60% โซเดียมไดคลอโรไอโชไชยาบูเรด หรือ BIO CLEAR เพื่อตัดไฟแต่ต้นลม และเดินระบบกรองน้ำเต็มกำลังจนกว่าน้ำใส
- เนื่องจากระบบกรองน้ำบกพร่อง
หาก PH และคลอรีนเป็นปกติดี ให้ตรวจดูการทำงานของระบบเครื่องส่งน้ำ และเครื่องกรอง อาจตรวจสอบระบบในประเด็นต่าง ๆ ดังนี้
- เปิดปิดประตูน้ำผิดหรือไม่
- หัวกะโหลกฟุตวาล์วในปอพักต้นหรือไม่
- ท่อดูดของปั๊มอุดตัน หรือตะกร้ากรองผงเต็มหรือไม่
- ท่อสูบของปั๊มรั่วหรือไม่ ใบพัดปั๊มอาจผิดปกติ หรือเกิดอุดตันในใบพัดปั๊ม
หรือไม่
- ท่อส่งรั่ว, สระรั่ว ต้องเติมน้ำบ่อยเป็นเหตุให้น้ำขุ่นมัวหรือไม่
- เครื่องกรอง หรือผ้ากรองรั่ว (ขาด) หรือไม่ถ้าใช่แก้ไขด่วน
- ทรายกรอง หรือผ้ากรองอุดตันหรือไม่ สังเกตุได้จากมาตรวัดแรงดันเกินกว่า
18 ปอนด์/นิ้ว2 สำหรับปั๊มต่ำกว่า 1.5 HP และสูงกว่า 20 ปอนด์/นิ้ว2 สำหรับปั๊ม2 HP ขึ้นไป ควรทำการล้างเครื่องกรองให้สะอาดทันที
**อาการขุ่นขาว หากทิ้งไว้ก็จะพัฒนาเป็นสีเขียวนั่นเอง**